เอ็กโก กรุ๊ป แถลงผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ยืนแผนการลงทุนในและต่างประเทศที่สัดส่วน 70:30 พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญใหม่ 3 ซีรี่ส์ เน้นปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมในใจคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำแบรนด์วิชั่น “เราไม่หยุดนิ่งที่จะร่วมสร้างพลังงาน…เพื่อชีวิต”
นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวถึงผลการดำเนินงานและความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าต่างประเทศว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2551 ของเอ็กโก กรุ๊ป เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 ซึ่งขณะนี้ เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการลงทุนใน สปป.ลาว จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 โครงการ และระหว่างการเจรจาอีก 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% สามารถเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปี 2552 โครงการโรงไฟฟ้าน้ำอู อยู่ระหว่างการเจรจาศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนกับผู้ร่วมทุนซึ่งประกอบด้วยบริษัท ชิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น จากจีน และ ลาว โฮลดิ้ง สเตท เอ็นเตอร์ไพรซ์ (Lao Holding State Enterprise) โดยเบื้องต้นคาดว่าเอ็กโก กรุ๊ป จะลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 ขณะที่จีนและลาวอยู่ที่ร้อยละ 75 และ 5 ตามลำดับ ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปีนี้ เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2552 และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2557 หรือต้นปี 2558”
“บริษัทฯ ยังได้ยื่นซองประมูลรอบแรกโครงการรับซื้อไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน NGHI SON 2 ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการลงทุนรองรับการเติบโตของรายได้ ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จะร่วมลงทุนกับ บริษัท วันเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทคู่ค้าในประเทศเวียดนาม โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25:60:15 ตามลำดับ”
นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย กำลังการผลิตติดตั้ง 35 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และโครงการเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 20 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เป็นต้น และล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เพื่อศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายเล็ก (SPP) ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง เอ็กโก กรุ๊ป ปตท. และทีอาร์ซี ร้อยละ 35:35:30 ตามลำดับ
“เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งเน้นแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม กัมพูชา และพม่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 30% และในประเทศ 70% เพื่อสร้างความเติบโตให้กับบริษัทมากขึ้นในอนาคต” นายวิศิษฎ์ กล่าวสรุป
ด้านนายศักดา ศรีสังคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 3 เดือนแรกว่า “ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2551 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 2,531 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากกิจการร่วมค้าโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 และกุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ”
ในโอกาสเดียวกันนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ซีรี่ส์ ได้แก่ รถติด ผมเสียทรง และเป็นสิว เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์องค์กรที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม โดยเน้นสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิด “ปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวกว่าที่คิด” โดยนายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยถึงแนวทางการสื่อสารขององค์กรและที่มาของภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ว่า “ในปีนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จะขยายการสื่อสารในเรื่องของจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กว้างขึ้น ผ่านงานโฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ และงานประชาสัมพันธ์ นอกเหนือจากกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรที่ได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี และจากความต่อเนื่องของการดำเนินงานอย่างจริงจัง วันนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จึงมีฐานความพร้อมด้านบุคลากรทั้งพนักงานภายในและพันธมิตรภายนอก โดยเฉพาะเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ผ่านการร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่ากว่า 1,700 คนทั่วประเทศ ที่จะร่วมกันผลักดันและดึงพลังของคนรุ่นใหม่มาเป็นแนวร่วมในการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในที่สุด และด้วยความเชื่อที่ว่า “ต้นทางดี ปลายทางย่อมดี” เอ็กโก กรุ๊ป จึงมุ่งเน้นกิจกรรมงานสื่อสารปลูกจิตสำนักรักษ์สิ่งแวดล้อมในใจเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นพลังต้นทางที่จะร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นที่มาของภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นี้ด้วย”
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นหลักของเอ็กโก กรุ๊ป ได้แก่ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25.41 บริษัท วันเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 22.42 และนักลงทุนในและต่างประเทศ ถือหุ้นรวมร้อยละ 52.17
ข้อมูลเกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป:
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer – IPP) แห่งแรกของไทย ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในรูปแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้ระบบการกำกับกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อรักษาดุลยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,876 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 14 แห่ง