เอ็กโก กรุ๊ป แจงผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 6,268 ล้านบาท มั่นใจฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจะคงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 5,260 ล้านบาทและอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่0.22 เท่า
นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “สถานการณ์ในช่วงปีนี้ ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ท้าทายอย่างมาก สำหรับธุรกิจพลังงานบ้านเรา โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจผลิตไฟฟ้า ที่กระทรวงพลังงาน และ กฟผ.อยู่ระหว่างทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับชั่วคราว เพื่อสะท้อนการปรับฐานความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และการเลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นอกจากนี้ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ และปัญหาความผันผวนทางการเงินที่กระจายไปทั่วโลก ยังส่งผลให้ธุรกิจด้านพลังงานตื่นตัวในการปรับทิศทางและแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดปัจจุบันเพื่อรองรับต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ตลอดจนดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในอนาคตเอ็กโก กรุ๊ป ยังคงมุ่งเน้นการมองหาลู่ทางในการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการศึกษาโครงการด้านพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม พลังงานขยะ และพลังงานชีวมวลในเชิงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา เพื่อสรุปผลว่า ขนาดของโครงการที่เหมาะสม และความคุ้มค่ากับการลงทุนควรเป็นเท่าใด ซึ่งเอ็กโก กรุ๊ป จะพิจารณาโครงการที่มีคุณภาพ สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต และอยู่ในระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้”
ด้านความคืบหน้าการดำเนินงานในโครงการต่างๆ ของเอ็กโก กรุ๊ป นั้น นายวินิจ กล่าวว่า “โครงการน้ำเทิน 2 ใน สปป.ลาว ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 90.5 เป็นโครงการพลังน้ำที่เอ็กโก กรุ๊ป ถือหุ้นร้อยละ 25 กำลังการผลิต 1,070 เมกะวัตต์ และกำหนดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนธันวาคม ปี 2552 โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 995 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้กับรัฐบาลลาว”
นายวินิจ กล่าวต่อว่า “สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 30กันยายน 2551 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรสุทธิ 6,268 ล้านบาท ลดลง 1,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 7,369 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 11.91 บาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้รวมและส่วนแบ่งผลกำไรจากกิจการร่วมค้าที่ลดลง ซึ่งสาเหตุหลัก มาจากรายได้ค่าไฟและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง รวมถึงค่าซ่อมบำรุงที่เพิ่มขี้น”
“ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีสินทรัพย์รวม จำนวน 55,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,446 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550 ในขณะที่มีหนี้สินรวม จำนวน 9,813 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2550 จำนวน 1,792 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 5,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ทั้งสิ้น 1,510 ล้านบาท ทั้งนี้ มีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 7.14 เท่า และ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.22 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เอ็กโก กรุ๊ป ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ” นายวินิจ กล่าวในที่สุด