เอ็กโก กรุ๊ป รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 4,257 ล้านบาท ลดลง 754 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่ลดลง เดินหน้าศึกษา เจรจา และพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีและเอสพีพีทั้งในและต่างประเทศ
นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,257 ล้านบาท ลดลง 754 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 5,011 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 8.09 บาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากกิจการร่วมค้าที่ลดลง 522 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ที่รายได้จากค่าไฟลดลงตามสูตรอัตราค่าไฟที่กำหนดไว้ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง
สำหรับทิศทางและความคืบหน้าโครงการลงทุนในประเทศนั้น นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับศึกษาโครงการด้านพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเชิงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถเก็บรวบรวมมาได้ทั้งหมด คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้เร็วๆ นี้ว่าขนาดของโครงการที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุนควรเป็นเท่าใด และโครงการแปรสภาพขยะให้เป็นพลังงาน ซึ่งขณะนี้ได้รับข้อตกลงจากทางเทศบาลภูเก็ตแล้ว และอยู่ระหว่างการนำเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนใจลงทุนเพิ่มเติมในโครงการธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือ เอสพีพี ซึ่งจะเน้นการร่วมทุนกับผู้ที่ได้สัญญางานก่อสร้างแล้ว โดยในส่วนนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษารายละเอียดและความเป็นไปในการพัฒนาโครงการขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างเอ็กโก ปตท. และ ทีอาร์ซี ที่ร้อยละ 35:35:30
สำหรับกรณีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าระยองและขนอมในเครือเอ็กโกที่จะหมดอายุในปี 2557 และ 2559 ตามลำดับนั้น เอ็กโก กรุ๊ป ได้จัดทำแผนแนวทางการดำเนินงานใหม่ของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เพื่อเตรียมนำเสนอ กฟผ.พิจารณาในเร็วๆ นี้”
ด้านการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น ทางเอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 และโครงการน้ำอู ในประเทศลาว โครงการโรงไฟฟ้าเกาะกง ในประเทศกัมพูชา โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ของบริษัทฯ เพื่อรองรับความเติบโตของธุรกิจในอนาคต
“เอ็กโก กรุ๊ป ไม่หยุดนิ่งทิ่จะดิดตามความคืบหน้าและหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนหรือเจรจาร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยติดตามสถานการณ์พลังงาน สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นสูงสุด อย่างไรก็ดี จากนโยบายเชิงรุกด้านพลังงานของภาครัฐที่มุ่งหาพันธมิตรเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนจากการประชุมคณะรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นอย่างดีนั้น บริษัทฯ เชื่อว่าจะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนด้านพลังงานในอนาคตของประเทศไทยมีแนวโน้มไปในทางที่ดี” นายวิศิษฎ์กว่าวสรุป
ข้อมูลเกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป:
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer – IPP) แห่งแรกของไทย ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในรูปแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้ระบบการกำกับกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อรักษาดุลยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นหลักของเอ็กโก กรุ๊ป ได้แก่ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25.41 บริษัท วันเอ็นเนอร์จี้ ประเทศไทย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 22.42 และนักลงทุนในและต่างประเทศ ถือหุ้นรวมร้อยละ 52.17 โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมทั้งสิ้น 3,826.5 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 12 แห่ง