สัมผัสทรายเม็ดแรก..ที่ปลาย’แหลมผักเบี้ย’ + จับหอยแครง

“ปลายแหลม” หาดทรายขาวที่ทอดตัวเป็นแนวยื่นแหลมออกไปในทะเล ยาวเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร และ ณ จุดปลายแหลมผักเบี้ยแห่งนี้นี่เอง ยังได้ถูกขนานนามให้เป็นจุดชม “ทรายเม็ดแรก”ที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเป็นทรายเนื้อละเอียดเบียดตัวกันอย่างหลวม ๆ เพียงเหยียบลงไปก็จะรู้สึกถึงความนุ่มเท้าในทุกย่างก้าว และด้วยความอุดมสมบูรณ์บนสันทรายตลอด 2 กม. รวมทั้งอุดมไปด้วยสัตว์น้ำปลาเล็กปลาน้อย ทำให้ ณ บริเวณปลายแหลมนี้กลายเป็นแหล่งหากินของพวกนกท่องน้ำหลากชนิด โดยเฉพาะนกเด้าดิน นกยางกรอกชวา นกหัวโตมลายู นกนางนวลแกลบ ฯลฯ ที่จะพบเห็นได้ง่ายทั้งในตอนเช้าและยามเย็น แหลมผักเบี้ยจึงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการนักดูนก ที่ต่างต้องเคยได้แวะเวียนมาเก็บภาพนกมากชนิด ท่ามกลางองค์ประกอบธรรมชาติ ๆ ที่สมบูรณ์ ทั้งหาดทรายขาว, ทะเลกว้าง และฟ้าคราม ณ สถานที่เพียงแห่งเดียวนี้ นักท่องเที่ยวสามารถ สัมผัสทรายเม็ดแรกดูนกนานาพันธุ์ ทั้งยังเป็นทำเลที่เหมาะต่อการนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกน้ำในมุมมองที่สวยงามในบรรยากาศบนหาดทรายกลางน้ำ

การเดินทางไปยังจุดหมายปลายแหลมผักเบี้ยนั้นต้องนั่งเรือหางยาวเครื่องล่องออกไปจากปากคลองอีแอดใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงถึงปลายแหลม นอกจากลูกค้าจะได้ชมทรายเม็ดแรกแล้ว ยังสามารถทำกิจกรรมจับหอยแครงร่วมกับทางชาวบ้านเพื่อสัมผัสชีวิตและเพิ่มความสนุกสนานอีกแบบ โดยทางรีสอร์ทได้จัดโปรแกรมทัวร์ไว้บริการอย่างครบถ้วนและเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง ระยะเวลาการทัวร์ประมาณ 3 ชั่วโมง

I tara resort and spa

กิจกรรมดูนก

แต่ละปีพื้นที่อ่าวไทยตอนในจะพบนกชายเลนอพยพเข้ามาอาศัยไม่ต่ำกว่า 50 ชนิด เมื่อรวมกับนกประจำถิ่นอีกนับร้อยชนิด คาดว่าจะมีนกอาศัยหากินอยู่มากกว่า 1 ล้านตัว ในจำนวนนี้เป็นนกที่มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ในระดับโลก (Globally Endangered) คือ นกชายเลนปากช้อนและนกทะเลขาเขียวลายจุด รวมทั้งนกน้ำขนาดใหญ่หายากอย่าง นกปากช้อนหน้าดำ ซึ่งมีประชากรเหลืออยู่บนโลกเพียง 970 ตัวเท่านั้น นกใกล้สูญพันธุ์เหล่านี้ พบเห็นได้เป็นประจำในพื้นที่อ่าวไทยตอนใน นกเหล่านี้หาดูได้ไม่ยากในพื้นที่ของตำบลแหลมผักเบี้ย

แหล่งดูนกที่สำคัญในเส้นทางแหลมผักเบี้ย มีแหล่งดูนกน่าสนใจสองแห่ง คือ

  1. โครงการวิจัยตามแนวพระราชดำริแหลมผักเบี้ย ตามขอบบ่อบำบัดน้ำเสียพบนกยางหลายชนิด นกกาน้ำ นกกระสานวล ในป่าชายเลนจะพบนกกระจ้อยป่าโกงกางและนกโกงกางหัวโต ส่วนบริเวณนาเกลือรอบๆ โครงการฯ พบนกชายเลนมากมาย เช่น นกรัฟ นกทะเลขาแดงลายจุด นกทะเลขาเขียว นกสติ้นท์นิ้วยาว นกสติ้นท์เล็ก นกปากซ่อมหางพัด แต่ตัวเด็ดก็คือ นกกรีดน้ำ 
  2. บริเวณปลายแหลมผักเบี้ย เป็นแหล่งรวมของนกนางนวลขนาดใหญ่ เช่น นกนางนวลหัวดำใหญ่ นกนางนวลหลังดำพันธุ์รัสเซีย นกนางนวลหางดำ ส่วนพวกนกนางนวลแกลบก็มีไม่น้อย ทั้งนกนางนวลแกลบหงอนใหญ่-หงอนเล็ก นกนางนวลแกลบธรรมดา นอกจากนี้ยังพบนกยางจีนและนกชายเลนหลายชนิด รวมทั้งเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกหัวโตมลายูด้วย

ทางรีสอร์ทได้จัดกิจกรรมดูนก ทั้งทางรถยนต์และทางเรือไว้บริการลูกค้า เฉพาะบุคคลหรือเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงด้วย

I tara resort and spa

กิจกรรมดูนาเกลือ

การทำนาเกลือ เพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตเกลือสมุทรที่สำคัญและถือว่าเกลือจากเพชรบุรีมีคุณภาพที่สุดจากจำนวนสี่เมืองของไทย การทำเกลือสมุทรเป็นอาชีพที่สำคัญอาชีพหนึ่งของชาวอำเภอบ้านแหลม 

กระบวนการผลิตเกลือสมุทรต้องใช้พื้นที่ในการทำนาเกลือ และต้องการแสงแดดเผาน้ำทะเลให้เข้มข้นจนตกผลึกเป็นเม็ดเกลือ การทำนาเกลือต้องมีพื้นที่ประมาณ ๓๐ ไร่ ขึ้นไป เป็นพื้นที่อยู่ใกล้ทะเลหรือชายคลองที่สามารถดันน้ำเข้าแปลงนาเกลือได้ แปลงนาเกลือแต่ละส่วนเรียกว่า กระทง 

พื้นที่ที่สามารถชักน้ำหรือดันน้ำอย่างต่อเนื่องกันในแต่ละกระทงเรียกว่า นายืน หากพื้นที่ไม่ต่อเนื่องกันในแต่ละกระทง ต้องดันน้ำสลับไปมาเรียกว่า นาวน ทั้งนาผืนและนาวนจะต้องจัดเตรียมผืนนาเกลือเชื่อมโยงกันถึงห้าส่วน เพราะจะต้องมีการดันน้ำจากส่วนแรกไปถึงส่วนที่ห้าตามลำดับ โดยใช้กังหันลมหมุนเพื่อดันน้ำ โดยเริ่มจากส่วนแรกเรียกว่า วังน้ำ ซึ่งเป็นแปลงสำหรับเก็บกักน้ำทะเล ชาวนาเกลือเรียกว่า น้ำอ่อน 

การทำนาเกลือเริ่มประมาณเดือนตุลาคม และจะเริ่มปล่อนน้ำเข้าสู่นาตาก ซึ่งเป็นส่วนที่สองในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งพ้นหน้าฝนแล้ว จากนั้นก็จะดันน้ำเข้าสู่นาแผ่ เป็นส่วนที่สาม พักไว้ประมาณ ๕ – ๗ วัน แสงแดดจะค่อย ๆ เผาน้ำให้ค่อย ๆ งวด มีความเค็มเพิ่มขึ้น จะมีความเค็มประมาณ ๒๒ – ๒๔ องศา เดิมชาวนาเกลือจะใช้วิธีสังเกตุความเค็มจากคราบสีน้ำที่จับอยู่ริมกระทงนา หากได้ระดับความเค็มพร้อมจะปล่อยเข้าสู่นาเกลือ ส่วนที่สามเรียกว่า นาวาง บางแห่งเรียกนาแปลง เป็นการเตรียมปรับพื้นที่เพื่อรองรับน้ำจากนาเกลือส่วนที่ห้าเรียกว่า นาดอก ที่จะกลายเป็นเม็ดเกลือในที่สุด จากนั้นจะใช้วัสดุกลิ้งบดทับพื้นผิวดินให้เรียบแนบไม่มีรอยแตกประมาณ ๔ – ๕ ครั้ง ๆ ละ ๓ – ๕ วัน การกลิ้งบดแต่ละครั้งควรห่างกันประมาณ ๕ – ๗ วัน ตามสภาพของผิวดิน เมื่อปล่อยน้ำเชื้อลงมาก็จะค่อย ๆ ตกผลึกเป็นเม็ดเกลือ มีค่าความเค็มประมาณ ๘๒ – ๘๗ % 

กระบวนการผลิตเกลือ ต้องอาศัยธรรมชาติโดยเฉพาะแสงแดด ตั้งแต่เริ่มกระบวนการจนเป็นเม็ดเกลือ ใช้เวลาประมาณ ๔ – ๕ เดือน หากมีฝนตกหรือน้ำท่วมกระบวนการผลิตต้องใช้เวลามากกว่านี้ หรือบางครั้งอาจไม่ได้เกลือ

ตลอดเส้นทางจากคลองโคลนจนถึงแหลมผักเบี้ย จะพบกับนาเกลือจำนวนมากมาย ท่านจะได้เข้าไปสัมผัสและรับรู้วิถีชีวติของชาวนาเกลือโดยทางรีสอร์ทได้จัดกิจกรรมนาเกลือไว้รองรับลูกค้าที่สนใจ ตั้งแต่ช่วงเวลาเดือน ธันวาคม ถึง เดือนพฤษภาคม ของทุกปี

วิทยากรที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำนาเกลือ ซึ่งวิทยากรนี้ ก็คือ “ นายนา ”  นายนา ก็คือคนที่ทำนาเกลือนี่เอง โดยทางวิทยากรจะอธิบายให้เราได้ทราบถึงวิธีทำนาเกลือ ตั้งแต่การนำ น้ำทะเลมาเก็บไว้จนเป็นเม็ดเกลือให้เราได้ทราบ ว่าจากน้ำทะเลกว่าจะมาเป็นเกลือได้อย่างไร

I tara resort and spa

กิจกรรมตกปลา

แหลมผักเบี้ย มีกิจกรรมที่น่านใจอีกอย่างหนึ่ง คือการล่องเรือออกไปตกปลา ที่ปลายแหลม โดยปลาที่ขึ้นชื่อว่าต้องมาตกที่นี่คือปลา สละ และปลากุเลา 

เดินทางโดยการ ไปขึ้นเรือที่คลองอีแอด นั่งเรือประมาณ 40 – 60 นาที ไปยังแนวปะการังเทียม หรือ ร่องน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของปลาหลายชนิด 

กิจกรรมตกปลาสามารถทำได้ทั้งช่วงกลางคืน หรือ กลางคืน

ทางรีสอร์ทได้จัดเตรียมกิจกรรมตกปลาไว้คอยบริการลูกค้า โดยมีเรือให้เลือก 2 ชนิด คือเรือขนาดเล็กเหมาะสำหรับนักตกปลาไม่เกิน 4 ท่าน และเรือขนาดใหญ่สำหรับลูกค้าไม่เกิน  7 ท่าน พร้อมทั้งอุปกรณ์ในการตกปลา สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้นำมาเอง

กิจกรรมตกหมึก

อาชีพประมงอีกอย่างของชาวบ้านแหลมผักเบี้ย คือการตกหมึก ซึ่งทางรีสอร์ทได้จัดกิจกรรมทัวร์ไว้บริการลูกค้า โดยเดินทางโดยรถยนต์จากโรงแรมเวลา  18:00 น.ไปขึ้นเรือที่คลองอีแอด นั่งเรือประมาณ 40 – 60 นาที ออกทะเลไปยังจุดที่ปลาหมึก โดยหมึกที่นี่ส่วนมากจะเป็นหมึกกล้วย เวลาเดินทางกลับ   23:00 – 24:00 น.  

กิจกรรมตกหมึกเป็นกิจกกรมที่ต้องทำเฉพาะช่วงกลางคืน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง

กิจกรรม ปลูกป่า ปล่อยปู ( กิจกรรมสำหรับหมู่คณะ )

วัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการลดจำนวนลงของปูม้า ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พันธ์ปูม้าให้ยังคงมีอยู่ตลอดไป และเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนให้คงอยู่ และเพิ่มความสมดุลทางธรรมชาติของป่าชายเลนให้ยั่งยืน

การดำเนินการของธนาคารปู การจัดการธนาคารปูม้าของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ต.แหลมผักเบี้ย จะทำกระชังปูม้า  สำหรับใช้เป็นสถานเลี้ยงอนุบาลปูม้า ไว้ห่างจากฝั่งประมาณ 2,000 เมตร เพื่อรับเลี้ยงปูม้าที่มีไขติดอยู่หน้าท้อง ซึ่งชาวประมงในกลุ่มจับมาได้ เพื่ออนุบาล โดยจะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงไม่เกิน 10 วัน และเมื่อไข่ปูม้าเจริญเติบโตกลายเป็นลูกปูม้าแล้ว ก็จะคืนปูม้าให้แก่สมาชิกที่นำมาให้เพื่อขายหรือบริโภค ในบางครั้งสมาชิกก็จะไม่ขอรับคืนปูม้า แต่ยกให้กับทางกลุ่ม ซึ่งทางกลุ่มก็จะนำปูม้าที่ได้ไปขายเพื่อนำรายได้มาซื้อปลาทะเล เพื่อเป็นอาหารสำหรับใช้ในการเลี้ยงปูที่อยู่ในกระชัง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบริหารกลุ่มต่อไป

I tara resort and spa

โปรแกรมทัวร์ เหมาะสำหรับจัดเป็นหมู่คณะ 

เยี่ยมชมธนาคารปู ของวิสาหกิจชุมชน แหลมผักเบี้ย ลงเรือที่ท่าเทียบเรือประมง คลองอีแอด ระหว่างทางล่องเรือชมทัศนียภาพของป่าชายเลน พร้อมนกนานาพันธุ์ ถึงปากคลองอีแอด ดำเนินการปล่อยพันธุ์ปูม้า หลังจากนั้นร่วมกันปลูกป่าชายเลนโดยทางรีสอร์ท ได้จัดพันธุ์ปู และพันธุ์ไม้ไว้คอยบริการ

กิจกรรมดูงานโครงการพระราชดำริแหลมผักเบี้ย

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในจังหวัดเพชรบุรี เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดในเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย และกำจัดขยะ โดยยึดตามพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “…ให้ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เป็นเทคโนโลยีอย่างง่าย ใครๆ ก็สามารถทำได้ และมีวัสดุหาได้ในท้องที่…เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่เรียบง่ายและใช้ธรรมชาตินี้ แบ่งออกเป็น 4ระบบ 

ระบบแรกคือ ระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย  

ระบบที่สองคือ ระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย 

ระบบที่สามมีชื่อว่า ระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียมหรือพื้นที่ที่มีน้ำขัง

ระบบที่สี่ คือ ระบบแปลงพืชป่าชายเลน 

โครงการแหลมผักเบี้ยนี้นับว่าเป็นแบบอย่างแก่ชุมชนทั่วประเทศในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นแบบที่เรียบง่าย แล้วยังเข้าใจง่าย จึงสามารถนำไปใช้ปฏิบัติตามได้ง่าย มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง และใช้เทคโนโลยีที่ไม่สูงนัก ซึ่งความเรียบง่ายนี้เองที่จะนำชุมชนไปสู่ความยั่งยืนได้ในที่สุด

ทัวร์ชมสวนตาลโตนด

สวนตาลโตนดแห่งแรกของประเทศไทย เป็นสวนของ ลุงถนอม ภู่เงิน อดีตกำนันตำบลถ้ำรงค์ ในพื้นที่ 10 ไร่ จำนวน 450 ต้น ต้นตาลเป็นต้นไม้เอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี เมื่อคิดถึงเพชรบุรีต้องคิดถึงต้นตาล แต่ปัจจุบันต้นตาลเมืองเพชรกลับเหลือน้อยเต็มทีลุงถนอมจึงอยากอนุรักษ์สวนตาลไว้ให้อยู่คู่เมืองเพชรไปนานๆ พร้อมกับสาธิตการขึ้นต้นตาลให้ชม ออกจากดงตาลของลุงถนอม มุ่งหน้าไปยัง “เตาตาลบ้านหม้อ” ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชาวบ้านที่แปรรูปผลิตจากต้นตาลโดยเราจะเข้าไปดูวิธีการแปรรูปการทำน้ำตาลสด ชิมน้ำตาลสดร้อนๆ จากเตา และการทำวุ้นน้ำตาล พร้อมกับการซื้อของฝากกลับบ้านจากผลิตภัณฑ์ตาล

เดินทางโดยรถยนต์ออกจากรีสอร์ท เวลา 08:30 น. และเดินทางกลับรีสอร์ทประมาณ 12.00 น.

เที่ยวเพชรบุรี เมือง 3 วัง 

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน – พระนครคีรี(เขาวัง)-ถ้ำวิมานจักรี(เขาหลวง) พระรามราชนิเวศน์(วังบ้านปืน)

กำหนดการเดินทาง

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ทที่พัก

09.00 น. ออกเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศวีไอพี สู่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

09.45 น. เยี่ยมชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระราชวังแห่งความรักและความหวัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยไม้สักทองทั้งหลังแบบโคโลเนียล ตั้งอยู่ชายทะเลที่บรรยากาศอันร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และทัศนียภาพอันงดงามของท้องทะเลยามแสงแดดกระทบพื้นน้ำ ชมพระที่นั่งองค์ต่างๆพร้อมภาพนิทรรศการจัดแสดงเรื่องราวและความเป็นมาของพระราชนิเวศน์

11.30 น. เดินทางกลับสู่ตัวเมืองเพชรบุรี

12.00 น.บริการอาหารกลางวัน(1)รสชาติพื้นเมืองพร้อมขนมหวานและ ผลไม้ขึ้นชื่อของเพชรบุรี

13.00 น. เที่ยวชม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสาน ไทย จีน ยุโรปภายในพระที่นั่งจัดแสดงโบราณวัตถุ เครื่องแก้ว เซรามิค  เฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนสวยงาม ด้านนอกสามารถมองเห็นตัวเมืองเพชรบุรีและทัศนียภาพที่งดงามของท้องทุ่งนาข้าวและต้นตาลจำนวนมากที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี

15.00 น.  ชมถ้ำวิมานจักรีหรือถ้ำเขาหลวง ที่งดงามด้วยหินงอกหินย้อยธรรมชาติ ที่รัชกาลที่เคยเสด็จมาประทับในสมัยที่ทรงผนวชและยังได้ประดิษฐานพระพุทธน้อยใหญ่กว่า 200 องค์สักการะหลวงพ่อโตและพระนอนศักดิ์สิทธิ์สร้างในสมัยอยุทธยา

16.00 น. เยี่ยมชมพระรามราชนิเวศน์หรือวังบ้านปืนที่สร้างรัชกาลที่ 5 ที่มีพระราช ประสงค์ให้สร้างพระราชวังแบบยุโรป เพื่อใช้สำหรับแปรพระราชฐานในฤดูฝน ชมห้องบรรทม ห้องทรงพระอักษรและสนามแบตมินตันแห่งแรกของสยามที่ปัจจุบันเป็นสวนน้ำพุสวยงาม

17.00 น. เดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พร้อมความประทับใจจากการเดินทาง

หมายเหตุ เครื่องแต่งกายสุภาพ สุภาพสตรีสวมกางเกงหรือกระโปงยาวคลุมเข่า สุภาพบุรุษสวมกางเกงขายาวหรือกางเกงคลุมเข่า

อัตราค่าบริการรวม

1.รถตู้ปรับอากาศวีไอพี

2.มัคคุเทศก์นำชมบรรยายภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ(กรณีมีชาวต่างชาติ)

3.อาหารกลางวัน พร้อมของหวานและน้ำดื่ม

4.ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามระบุในรายการ

5.น้ำดื่ม ผ้าเย็น

6.ประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 500,000 บาทตาม พ.รบ.ธุรกิจนำเที่ยว

ค่าบริการไม่รวม

1.อาหารและเครื่องดื่มนอกเหนือรายการ

2.ภาษีต่างๆ เช่นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% หรือ 1%      

Message us